ไอแบงก์ เปิดให้ลงทะเบียนเข้ารับ มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติม ระยะที่ 2 รอบใหม่

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์)
เปิดให้ลงทะเบียนเข้ารับมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 2
รอบใหม่ มีทั้งพักชำระเงินต้นและกำไร
ลดค่างวด ขยายระยะเวลาชำระหนี้ ยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือผ่านช่องทางเว็บไซต์ไอแบงก์
ตั้งแต่ที่ 22 มกราคม 2564 นี้
นายวุฒิชัย สุระรัตน์ชัย กรรมการและผู้จัดการ
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศทไทย (ไอแบงก์) เปิดเผยว่า ไอแบงก์
เปิดให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่
ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยแบ่งตามประเภทสินเชื่อดังนี้
- สินเชื่ออเนกประสงค์แบบไม่มีหลักประกันภายใต้กำกับ
(ยกเว้นสินเชื่อสวัสดิการพนักงานบุคคลภายนอก (MOU)/สินเชื่อบำเหน็จบำนาญข้าราชการ/สินเชื่อผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย
(MSMEs)) ลูกค้าสามารถเลือกลดค่างวด
30% ของค่างวดเดิมระยะเวลา 6 เดือน ไม่ขยายระยะเวลา และให้นำไปชำระในงวดสุดท้าย
หรือ พักชำระเงินต้น (ชำระเฉพาะกำไร) ไม่เกิน 6 เดือน
โดยไม่ขยายระยะเวลาและให้นำไปชำระในงวดสุดท้าย
- สินเชื่อที่อยู่อาศัย/อเนกประสงค์
มีหลักประกัน ลูกค้าสามารถขอพักชำระเงินต้นและกำไร 3 เดือน โดยไม่ขยายระยะเวลา และให้นำไปชำระในงวดสุดท้าย
หรือ พักชำระเงินต้น (ชำระเฉพาะกำไร) 3 เดือน โดยไม่ขยายระยะเวลา
และให้ปรับลดอัตรากำไรในระยะเวลาที่พักชำระหนี้ลง 0.25%
เฉพาะบัญชีสินเชื่อที่อยู่ในช่วงการชำระค่างวดด้วยอัตรากำไรอ้างอิง SPRL (SPRL ของธนาคาร
ปัจจุบัน =7.40 ต่อปี) หรือ พักชำระเงินต้น (ชำระเฉพาะกำไร) ไม่เกิน 6 เดือน
โดยให้ขยายระยะเวลาไม่เกินระยะเวลาที่พักชำระ
- สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
พักชำระเงินต้นและกำไร 3 เดือน และขยายระยะเวลา 3 เดือน หรือ
ขยายระยะเวลาชำระหนี้ 6
เดือนและเฉลี่ยค่างวดใหม่ตามระยะเวลา
สำหรับลูกค้าที่ประสงค์จะเข้าร่วมมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติม
ระยะที่ 2 ต้องสิ้นสุดการได้รับความช่วยเหลือมาตรการอื่นๆ ของธนาคารแล้ว
และไม่มีสถานะเป็น NPF ณ
วันที่ 1 มีนาคม 2563 เบิกใช้สินเชื่อก่อนวันที่ 1 เมษายน 2563
โดยสามารถยื่นเรื่องได้ทางเว็บไซต์ https://www.ibank.co.th/th เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม - 30
มิถุนายน 2564 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ibank Call Center 1302
นอกจากนี้
ไอแบงก์ ยังมีมาตรการความช่วยเหลืออีก 4 มาตรการ
ที่ให้ความช่วยเหลือลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ทั้งจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
– 19 ลูกค้าที่ประสบภัยอุทกภัยภาคใต้ และลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
ดังนี้
- มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้รายย่อยด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt Consolidation) ที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออเนกประสงค์แบบไม่มีหลักประกันกับธนาคาร
- ปรับลดอัตรากำไรสินเชื่ออเนกประสงค์แบบไม่มีหลักประกันจากเดิม
SPRR+12%
ต่อปี ตลอดอายุสัญญา คิดอัตรากำไรใหม่ SPRR ตามประกาศธนาคาร (ปัจจุบัน SPRR= 8.00%
ต่อปี)
- ขยายระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่ออเนกประสงค์แบบไม่มีหลักประกันออกไปไม่เกิน
5 ปี จากสัญญาคงเหลือเดิม
และไม่เกินระยะเวลาคงเหลือตามสัญญาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของลูกหนี้
- มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เดิมที่มีศักยภาพ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถาณการณ์เศรษฐกิจ โดยการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้
- พักชำระหนี้เงินต้น
และชำระเฉพาะกำไร นาน 1 ปี
- ขยายระยะเวลาสินเชื่อออกไปตามระยะเวลาพักชำระหนี้เงินต้น
- ยกเว้นเบี้ยปรับพักชำระหนี้ที่เกิดขึ้น
- ธนาคารให้ความช่วยเหลืออื่นเพิ่มเติมตามความรุนแรงของปัญหาเป็นรายกรณี
- มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุกภัยภาคใต้
ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรง
ลูกค้าสามารถขอพักชำระเงินต้นและกำไร ระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น พักชำระเงินต้น
ชำระเฉพาะกำไรอีก 6 เดือน
และสามารถขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมโดยสินเชื่ออุปโภคบริโภค อัตรากำไร SPRR – 3.5%
ต่อปี สินเชื่อธุรกิจ อัตรากำไร SPRL
– 2.75% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี ฟรี
ค่าธรรมเนียม Front end
Fee และค่าธรรมเนียมจัดทำนิติกรรมสัญญา
รวมถึงยกเว้น การประเมินราคาหลักประกัน (กรณีสินเชื่อเดิมแบบมีหลักประกัน)
และบุคคลค้ำประกัน
ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม
ลูกค้าสามารถขอพักชำระเงินต้น และชำระเฉพาะกำไรระยะเวลา 6 เดือน
และสามารถขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม สำหรับสินเชื่ออุปโภคบริโภค อัตรากำไร SPRR – 3.5%
ต่อปี สินเชื่อธุรกิจ อัตรากำไร SPRL
– 2.75% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี ฟรี
ค่าธรรมเนียม Front end Fee
และค่าธรรมเนียมจัดทำนิติกรรมสัญญา
ยกเว้นการประเมินราคาหลักประกันและบุคคลค้ำประกัน
- โครงการ DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง เป็นการช่วยลูกหนี้ธุรกิจที่มีหนี้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายราย วงเงินรวมกัน ตั้งแต่ 50-500 ล้านบาท ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ (ทั้งสาเหตุจาก COVID-19 สงครามการค้า หรือ ภัยธรรมชาติ) โดยมีแนวทางการช่วยเหลือดังนี้
- การแก้ไขหนี้เดิม : ลดค่างวด ขยายเวลาการชำระหนี้ ปรับเงื่อนไขให้เหมาะสมตามศักยภาพของลูกหนี้ มีระยะเวลาปลอดหนี้ และการผ่อนชำระที่เหมาะสม ทบทวนการให้ใช้วงเงินของลูกหนี้ที่เหลืออยู่
- การให้สินเชื่อใหม่ : ธนาคารเจ้าหนี้ร่วมกันพิจารณาให้สินเชื่อใหม่แก่ลูกหนี้ที่มีประวัติการ ชำระหนี้ดี มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน
ลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมทั้ง 5 มาตรการข้างต้น สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของมาตรการความช่วยเหลือลูกค้าของธนาคาร ได้ที่เว็บไซต์ไอแบงก์ https://www.ibank.co.th/th เลือก ผลิตภัณฑ์และบริการ และเลือก สินเชื่อตามนโยบายของรัฐ หรือสอบถามเพิ่มเติม ibank Call Center 1302