บจ. มียอดขายและกำไรสุทธิฟื้นตัวหลังมาตรการผ่อนคลาย
ไตรมาส 3/2563
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมียอดขาย และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
หลังมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ผ่อนคลายลง แต่ผลประกอบการ 9
เดือนแรก ยังคงลดลงจากแรงกดดันที่ผ่านมา
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์รองผู้จัดการ
หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ.จำนวน 697บริษัท
หรือคิดเป็น 94.3%
จากทั้งหมด 739 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
หรือ NC บริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด
หรือ NPG กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน)นำส่งผลการดำเนินงานงวด9 เดือนแรกของปี 2563 และไตรมาส 3/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 พบว่า บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 483 บริษัท สัดส่วนคิดเป็น 69.3%
ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
“มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19
ที่ผ่อนคลายช่วยให้ บจ.เกือบทุกหมวดธุรกิจฟื้นตัวดีขึ้น
มียอดขายและกำไรสุทธิปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร
สินค้าเวชภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น นอกจากนี้
ยังพบว่า
มีบจ.บางแห่งในหมวดธุรกิจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้ขยายไปสู่ธุรกิจด้านดิจิทัล (Digital platform) การจัดเก็บข้อมูลและจัดการฐานข้อมูลออนไลน์
(Cloud storage and Data
center) ที่ตอบสนองวิถีชีวิตแบบใหม่ (New normal) เติบโตได้ดีเช่นกันสำหรับหมวดธุรกิจควรติดตามใกล้ชิด
คือ หมวดธุรกิจด้านการเงินซึ่งมีภาระการตั้งสำรองสำหรับหนี้เสียเพิ่มขึ้น
และธุรกิจที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น หมวดขนส่ง และหมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ” นายแมนพงศ์
กล่าว
อย่างไรก็ดี
ผลกระทบของสงครามราคาน้ำมันและโรคระบาดไวรัส COVID-19 ได้ส่งผลการดำเนินงานในช่วง 9
เดือนแรกของปี 2563
บจ. มียอดขายรวม 7,539,285
ล้านบาท ลดลง 15.1%
โดยมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core
profit) อยู่ที่ 494,119 ล้านบาท ลดลง 28.4% และมีกำไรสุทธิ 327,429
ล้านบาท ลดลง 51.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 21.3%
เป็น 20.5% มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลักลดลงจาก 8.4%
เป็น 5.4%
และมีอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 7.8%
เป็น 3.7% สำหรับฐานะการเงินของกิจการ
ณ สิ้นไตรมาส 3/2563
บจ. ไทยมีหนี้สินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน
(ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.63 เท่า เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.35
เท่า
ด้านผลการดำเนินงานของบจ.
ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)
ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มียอดขายรวม 121,613 ล้านบาทลดลง 8.5% มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 4,640 ล้านบาทลดลง
5.6% และมีกำไรสุทธิ
2,613 ล้านบาทลดลง
69.4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน