Smart Money ในโลกคริปโตมีใครบ้าง? โดย จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา

Smart Money หรือ
“เจ้ามือ” ในแวดวงการลงทุนคำนี้มักหมายถึงนักลงทุนรายใหญ่ระดับสถาบันไปจนถึงธนาคารกลาง
บางครั้งอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือคนวงในที่สามารถกำหนดทิศทางของตลาดได้
สำหรับในวงการคริปโตเคอร์เรนซี่บางครั้งก็จะเรียก Smart Money ว่า Whale หรือ วาฬ ซึ่งหมายถึงนักลงทุนหรือสถาบันที่ถือครองเหรียญเป็นจำนวนมากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทุกครั้งที่เคลื่อนไหวเหมือนกับวาฬที่แค่ว่ายน้ำผ่านก็เกิดเป็นคลื่นยักษ์สามารถทำให้ปลาตัวเล็กๆลอยไปตามคลื่นได้เลย
เราอาจเคยได้ยินคำว่า
“Follow the Smart Money”
หรือ “เล่นตามเจ้ามือ” ซึ่งก็คือรูปแบบหนึ่งของการเล่นตามเทรนด์ตลาดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไป การเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับ Smart Money อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
เพราะข้อมูลเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นภายในองค์กรใหญ่ๆ ในระดับผู้บริหาร เป็นต้น
ดังนั้นสำหรับนักลงทุนทั่วไปสิ่งที่สามารถทำได้คือการจับตาตลาดและพิจารณาความเป็นไปได้นั่นเอง
แล้วเราจะแยกแยะ Smart Money อย่างไร?
การแยกแยะ
Smart Money หากไม่ใช่คนวงในจะไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน
100%
แต่โดยทั่วไปแล้วสามารถดูได้จาก Volume
การซื้อขายที่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดค่อนข้างนิ่งจะมีโอกาสเห็นได้ค่อนข้างชัด
เนื่องจาก Smart Money มักจะเป็นการลงทุนจากนักลงทุนรายใหญ่ในระดับสถาบัน
จึงมักจะมีการลงเม็ดเงินเข้ามามากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาดได้นั่นเอง
ตัวอย่าง
Smart Money ใน Bitcoin
1. Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง
Bitcoin ที่ปัจจุบัน
ก็ยังไม่มีใครทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่มีความเป็นไปได้ที่ Satoshi จะถือครอง
Bitcoin สูงถึง
1
ล้านเหรียญ ซึ่งจะทำให้เขาเป็น 1 ใน
3
ผู้ถือ Bitcoin ที่สูงที่สุดในโลก
2. The Winklevoss Twins โดย
Cameron และ
Tyler Winklevoss ที่เป็นฝาแฝดผู้สนับสนุน
Bitcoin กลุ่มแรกๆ
และยังเป็นผู้ก่อตั้ง Gemini
กระดานซื้อขายเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่
7
ของโลก ซึ่งเคยมีรายงานว่าพวกเขาถือ Bitcoin สูงถึง 115,000 เหรียญ
3. Tim Draper 1
ในผู้สนับสนุน Bitcoin กลุ่มแรกที่เข้าซื้อ
Bitcoin ตั้งแต่สมัยที่มีราคาเพียง
6
ดอลลาร์รวมกันมากกว่า 42,000
เหรียญ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ Mt
Gox ถูกแฮ็ก เขาจึงสูญเสียทรัพย์สินของเขาไปทั้งหมด
ก่อนที่จะได้รับการชดเชยคืนมา 30,000
เหรียญ ทำให้เขาเป็น 1 ใน
15%
ของผู้ที่มี Bitcoin ในครอบครองมากที่สุดในโลก
Smart Money ระดับสถาบันที่น่าจับตา
นอกจากกลุ่มคนที่ยกตัวอย่างมาด้านบนแล้ว
ในช่วงปี 2021
นี้ยังมีความเป็นไปได้ที่องค์กรหรือสถาบันเหล่านี้จะกลายเป็น Smart Money หรือวาฬที่น่าจับตาของตลาดสกุลเงินดิจิทัล
โดยสถาบันที่น่าจับตา มีดังต่อไปนี้
1. Microstrategy บริษัทแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา
ผู้ให้บริการด้าน Mobile
Application, Cloud Computing รวมถึงเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการคาดการณ์ทิศทางของตลาด
ล่าสุด ทาง Microstrategy
ได้ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาถือครอง Bitcoin สูงถึง
70,470
เหรียญเลยทีเดียว หากลองคิดมูลค่าตามราคา Bitcoin ล่าสุดพวกเขาจะถือครองเป็นมูลค่าสูงถึง 2.2
พันล้านดอลลาร์
2. Grayscale สำหรับสถาบัน
Grayscale ในช่วงวันที่
4
ธันวาคม 2020
ที่ผ่านมา รายงานจาก Cointelegraphระบุว่า
สถาบัน Grayscale มีการเข้าซื้อ
Bitcoin รวมกันมากกว่า
7,000
เหรียญภายในระยะเวลาเพียง 24
ชั่วโมง และยังเป็นสัปดาห์เดียวกันกับที่ราคา Bitcoin ทะลุ All-time High เดิมอีกด้วย
ขณะที่รายงานจาก
Finance Magnateระบุว่า
พวกเขาถือครอง Bitcoin รวมกันสูงถึง
640,000
เหรียญ หรือคิดเป็นมูลค่าได้ถึง 1.9
พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ พวกเขาก็ถือเหรียญอื่นๆนอกจาก Bitcoin ด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็น Litecoinและ
Ethereum Classic
3. Square วันที่
7
ตุลาคม 2020
ที่ผ่านมา Square ได้ประกาศว่าพวกเขาทำการเข้าซื้อ
Bitcoin จำนวน
4,709
เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 50
ล้านดอลลาร์ และล่าสุด ทาง Square
ยังได้ประกาศสนับสนุนการขุด Bitcoin ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และร่วมลงทุนในโครงการนี้ด้วยเงินทุนมูลค่าสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์
นอกจาก
3
รายข้างต้นแล้ว รายงานล่าสุดจาก Coindeskระบุว่าบรรดามหาวิทยาลัยชื่อดังในอเมริกา
ไม่ว่าจะเป็น Harvard,
Yale, Brown และ University of Michigan ต่างมีการเข้าซื้อสกุลเงินดิจิทัลเพื่อเก็บเป็นสินทรัพย์สำรองกันอย่างเงียบๆ
โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย Harvard
ที่มีรายงานว่ามีสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในครอบครองเป็นมูลค่าสูงถึง
40,000
ล้านดอลลาร์ ตามมาโดยมหาวิทยาลัย Yale
ที่ครอบครองถึง 30,000 ล้านดอลลาร์
สำหรับนักลงทุนทั่วไป
มีความเป็นไปได้ต่ำมากที่จะสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของวาฬเหล่านี้ได้
ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือต้องคอยบริหารพอร์ตตนเอง ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ
และกระจายเงินลงทุนออกไปหลายๆตระกร้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างไรก็ตาม
การมีอยู่ของวาฬเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี
จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศไทยไปไหนทิศทางใด