อูฐตัวที่ 18 ธุรกิจครอบครัว กับการจัดการความขัดแย้ง

“สันติภาพไม่ได้หมายถึงไม่มีความขัดแย้ง
แต่คือความสามารถในการจัดการความขัดแย้ง” [1] - มหาตมะ คานธี
“พ่อผู้ล่วงลับทิ้งอูฐ 17 ตัว ให้เป็นมรดกแก่ลูก
3 คน...”
วิลเลี่ยม ยูริ (William Ury) นักวิชาการด้านการเจรจาและสันติวิธี จากฮาร์วาร์ด เปิดเวที TED วันนั้นด้วยเรื่องเล่าจากดินแดนตะวันออกกลาง “พ่อผู้ล่วงลับกำชับให้แบ่งอูฐตามนี้อย่างเคร่งครัด
คือ ให้ลูกคนโตได้อูฐครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ลูกคนที่สองได้อูฐ 1 ส่วน 3 ของทั้งหมด ส่วนลูกคนเล็กได้อูฐ
1 ส่วน 9 ของอูฐทั้งหมด”
พี่น้องทั้งสามหันมามองหน้ากัน...
เมื่อไม่อาจหาวิธีที่จะแบ่งอูฐตามคำสั่งของพ่อผู้ล่วงลับได้
พวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปขอคำปรึกษาจากหญิงชราผู้ชาญฉลาด “ข้าไม่แน่ใจนักว่าจะช่วยพวกเจ้าได้
แต่เอาอย่างนี้มั้ย เอาอูฐของข้าไปซักตัว” หญิงชรากล่าวพร้อมกับมอบอูฐหนึ่งตัวให้กับพี่น้องทั้งสาม
ตอนนี้พวกเขามีอูฐทั้งหมด 18 ตัว
ลูกคนโตได้อูฐครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ดังนั้น
เขาจึงได้อูฐ 9 ตัว
ลูกคนที่สองได้อูฐ 1 ส่วน 3 ของทั้งหมด
เขาจึงได้อูฐ 6 ตัว
ลูกคนที่สามได้อูฐ 1 ส่วน 9 เขาจึงได้อูฐ 2 ตัว
พี่น้องสามคนได้อูฐไปทั้งสิ้นรวม 17 ตัว พร้อมทำตามความประสงค์ของพ่อผู้ล่วงลับทุกประการ เหลืออูฐอีก 1 ตัว พวกเขาจึงคืนมันให้แก่หญิงชราพร้อมกล่าวขอบคุณ
เผชิญหน้าความขัดแย้งแบบชาวแซน
มนุษย์มีแนวโน้มที่จะขัดแย้งกันมาตลอดประวัติศาสตร์ และความขัดแย้งก็คงจะดำรงอยู่ต่อไปอีกนานเท่าที่มนุษย์ยังอยู่พื้นพิภพ
ประเด็นสำคัญในเรื่องความขัดแย้งจึงไม่ใช่การขจัดมันออกไป
แต่คือการเรียนรู้ที่จะจัดการกับความขัดแย้งอย่างสันติ วิลเลี่ยม ยูริ แชร์ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้วิธีจัดการกับความขัดแย้งของชนเผ่าแซนในแอฟริกา[2] ที่ยังคงใช้ชีวิตไม่แตกต่างจากบรรพบุรุษของพวกเขาเมื่อประมาณ
20,000 ปีก่อน ชาวแซนอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งหัวหน้า[3] การตัดสินใจจะใช้ “ความคิดเห็นของส่วนใหญ่” หรือ Group
Consensus เป็นหลัก เมื่อเกิดความขัดแย้งที่ดูจะรุนแรงขึ้น
จะมีใครบางคนนำอาวุธไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้ หลักจากนั้น พวกเขาจะตั้งวงแล้วนั่งคุยกัน
คุยกัน คุยกัน จนกว่าจะได้ข้อยุติ
และหากอารมณ์ที่มียังไม่ลดลง พวกเขาจะส่งสมาชิกคนนั้นไปหาญาติที่อื่นก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งของมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่อดีตกาล มนุษย์คุยกันเพื่อแก้ปัญหา และไม่ใช่แค่คู่ขัดแย้งที่ต้องคุยกัน แต่คือ “พวกเราทุกคน” ที่อยู่รอบๆ ปัญหานั้นด้วย
“หญิงชรา”
การแก้ปัญหาในธุรกิจครอบครัวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกๆ
คนในครอบครัวโดยไม่มองว่า “ธุระไม่ใช่” วิลเลี่ยม ยูริ เชื่อในบทบาทของ “บุคคลที่ 3” ว่า เป็นเคล็ดลับของการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
เช่นเดียวกับที่ชนเผ่าแซนที่เชื้อเชิญสมาชิกคนอื่นๆ มาร่วมวงประชุมเพื่อหาทางแก้ปัญหาด้วย
ซึ่งบุคคลที่ 3 หรือที่โปรเฟสเซอร์ยูริเรียกว่า Third
Side นั้น ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือคนในครอบครัว เพื่อน คนใกล้ชิด คือบุคคลที่อยู่รอบๆ
ความขัดแย้ง (แต่ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง) นั่นเอง บุคคลที่ 3 เหล่านี้มีบทบาทสำคัญ 3
ประการ คือ
1. ชวนคู่ขัดแย้งกลับมาพูดคุยกันซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการแก้ปัญหา
2. ให้มุมมองใหม่ๆ ต่อปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ และ
3. ช่วยเตือนสติว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำหรือคิดจะทำนั้นจะส่งผลอย่างไรต่อตัวเขาเองและคนอื่นๆ อะไรคือสิ่งที่พวกเขาจะได้และเสียจากความขัดแย้งนี้ เพราะด้วยอารมณ์และจุดยืนที่มีทำให้พวกเขาที่อยู่ในความขัดแย้งหลงประเด็น มองไม่เห็นภาพใหญ่ และอาจจะทำสิ่งที่พวกเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
“บุคคลที่ 3” (Third Side) คือเคล็ดลับของการจัดการความขัดแย้ง
ที่มา : William Ury
“อูฐตัวที่ 18”
เราไม่อาจแบ่งอูฐ 17 ตัวให้กับลูก 3 คนได้คือความเป็นจริง
แต่ถ้าเรายึดติดกับความเป็นจริงนี้แต่เพียงแง่มุมเดียวโดยไม่สนใจความเป็นไปได้อื่นๆ
เราก็กำลังสร้างกรอบความคิดที่ไปจำกัดทางออกของปัญหา
ทุกครอบครัวต้องการ “อูฐตัวที่
18” เราต้องการความคิดสร้างสรรค์ หรือเครื่องมือที่สร้างสรรค์เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งไปให้ได้
อูฐตัวที่ 18 ของแต่ละครอบครัวนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไป บางคนใช้ “ธรรมนูญครอบครัว” เป็นเครื่องมือชักชวนให้สมาชิกครอบครัวหันหน้ามาพูดคุยกันซึ่งก็น่าจะปลอดภัยกว่า
การชวนให้คุณพ่อคุณแม่ มาเขียนพินัยกรรม
หรือมาแบ่งหุ้นกันเป็นไหนๆ การจัดทริปไปเที่ยวด้วยกัน การจัดงานวันเกิดคุณย่า
วันแซยิดคุณปู่ หรือแม้กระทั้งนัดดูบอล นัดเรียนโยคะ
ก็อาจเป็นเครื่องมือที่ดีที่จะทำให้สมาชิกมีโอกาสได้พูดคุยกันในเรื่องสำคัญๆ
อย่างไม่เป็นทางการ ในเซ็ตติ้งที่สบายๆ
ครอบครัวของเราคือพี่น้อง 3 คนนั้นที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอูฐ
17 ตัว
ผมไม่รู้ว่าหน้าตาของอูฐตัวที่ 18
ของคุณกับของผมนั้นเหมือนกันไหม แต่ที่แน่ๆ โลกนี้ต้องการหญิงชราผู้ชาญฉลาด
และอูฐตัวที่ 18 อีกหลายๆ ตัว!
Reference:
William Ury, The walk from “no” to “yes”, TED Talk
Siyabona Africa, “SAN”, krugerpark.co.za เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2564
index
[1] “Peace is not the absence of
conflict, but the ability to cope with it,”
Mahatma Gandhi
[2]
ชนเผ่าแซน (San)
เป็นชนเผ่าที่อยู่อาศัยทางตอนใต้ของทวีปอัฟริกามานานกว่า
20,000
ปี พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ อาศัยอยู่ในถ้ำ และเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ ชาวแซนอยู่รวมกันเป็นกลุ่มไม่เกิน
25 คน แต่ก็มีการรวมตัวกันระหว่างกลุ่มเป็นครั้งคราวเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร
ของขวัญ แต่งงาน และร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ
[3]
ความเป็นผู้นำ (Leadership)
จะขึ้นอยู่กับอายุ
ระยะเวลาที่อยู่กับกลุ่ม และบุคลิกภาพที่น่านับถือ แต่แม้จะมีผู้นำ ขาวแซนก็ยังใช้เสียงส่วนใหญ่ในการตัดสินใจร่วมกันอยู่ดี