ETF ตอบโจทย์นักลงทุน ลงทุนได้ทั้งมือใหม่และมือเก๋า

ETF เป็นการรวมเอาจุดเด่นของกองทุนรวมดัชนีในเรื่องการกระจายความเสี่ยงได้ดีโดยใช้เงินลงทุนน้อย
ประกอบกับข้อดีของหุ้นที่สามารถซื้อขายได้ Real-Time โดยไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นวันถึงจะรู้ราคา
ช่วยให้ผู้ลงทุนจับจังหวะซื้อขายได้แม่นยำขึ้น
กองทุนรวม ETF (อีทีเอฟ) กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก
แม้กระทั่ง Berkshire
Hathaway ของ "วอร์เรน บัฟเฟตต์"
ก็ยังให้ความสนใจลงมาเล่นในตลาด ETF
กับเขาด้วยเช่นกัน ว่ากันว่า
นี่คือนวัตกรรมทางการเงินที่จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดการลงทุนแบบเดิมๆ เพราะ ETF เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกแบบโดยการนำข้อดีของ
"กองทุนรวม" และ "หุ้น" มาผสมผสานไว้ในที่เดียวนั่นเอง
แต่สำหรับใครที่ยังสงสัยอยู่ว่า ETF คืออะไร
? มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง
ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่านี่คือทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับเราจริงๆ หรือไม่
กองทุน ETF คืออะไร ?
ETF ย่อมาจาก
3 คำ
นั่นคือ Exchange Traded
Fund
E = Exchange
เป็นหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
T = Traded สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนเปลี่ยนมือผ่านบริษัทหลักทรัพย์
(บล.) ได้เหมือนหุ้น
F = Fund มีการจัดตั้งเป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง
สรุปง่ายๆ ETF คือ กองทุนรวมประเภทหนึ่ง
แต่มีความพิเศษตรงที่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเห็นราคาแบบ Real-Time เหมือนกับหุ้นตัวหนึ่ง
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งรูปแบบของเงินปันผล
และส่วนต่างจากราคาหลักทรัพย์ (Capital
Gain)
โดยทั่วไปแล้ว ETF ส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนแบบ Passive ซึ่งมีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่างๆ
เพื่อสร้างผลตอบเเทนให้ใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด เช่น
ดัชนีหุ้นในประเทศ, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ดัชนีตราสารหนี้
และดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ETF เป็นการรวมเอาจุดเด่นของ
"กองทุนรวมดัชนี" ในเรื่องการกระจายความเสี่ยงได้ดีโดยใช้เงินลงทุนน้อย
ประกอบกับข้อดีของ "หุ้น" ที่สามารถซื้อขายได้ Real-Time โดยไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นวันถึงจะรู้ราคา
ช่วยให้ผู้ลงทุนจับจังหวะซื้อขายได้แม่นยำขึ้น
5
จุดเด่น ETF ที่ทำให้น่าลงทุน
เงินน้อยก็กระจายความเสี่ยงได้ การซื้อ ETF ก็เหมือนการกระจายเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งหมดที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงนั้นๆ
เช่น ลงทุนใน ETF ดัชนี
SET50
ก็จะเท่ากับว่าเราซื้อหุ้น 50
ตัวเฉลี่ยกันไปตามดัชนี ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นผิดตัวได้เป็นอย่างดี
โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
เงินลงทุนงอกเงยไม่แพ้ตลาดในระยะยาว ETF มีกลยุทธ์ลงทุนแบบ
Passive ดังนั้น
ผลการดำเนินงานจะวิ่งล้อกับดัชนี
ทำให้เหมาะกับผู้ลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว
และต้องการให้เงินลงทุนเติบโตตามตลาดไปเรื่อยๆ
ซื้อขายได้ด้วยราคา Real-Time เป็นความพิเศษของ
ETF ที่เข้ามาปลดล็อกข้อจำกัดของการซื้อขายกองทุนแบบเดิมๆ
เพราะผู้ลงทุนสามารถเห็นราคา ETF
แบบ Real-Time และสามารถซื้อขาย ETF ได้เลย
โดยไม่ต้องรอราคา NAV ณ
สิ้นวัน ซึ่ง ETF จะยิ่งมีประโยชน์มากในวันที่ดัชนีหุ้นราคาลดลงและผันผวนมากๆ
เนื่องจากเราสามารถซื้อ ETF
ได้ในราคาที่เราต้องการทันที
โดยไม่ต้องรอลุ้นราคาปิดของดัชนีหุ้นในวันนั้นๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ราคา ETF ตามที่เราต้องการ
ราคาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ใกล้เคียงมูลค่าที่แท้จริง ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) จะทำหน้าที่ส่งคำสั่งเสนอซื้อเสนอขายหน่วยลงทุน
ETF เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถซื้อขาย
ETF ได้
และราคาของ ETF เคลื่อนไหวสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหน่วยลงทุน
ค่าธรรมเนียมต่ำ ETF มีค่าธรรมเนียมการลงทุนที่ต่ำ
เมื่อเทียบกับกองทุนรวมส่วนใหญ่ที่มีนโยบายลงทุนแบบเชิงรุก (Active) เนื่องจาก
ETF มีนโยบายลงทุนแบบเชิงรับ
(Passive) อิงไปตามดัชนีที่อ้างอิง
ไม่ได้เน้นการเอาชนะตลาด จึงไม่ต้องเสียค่าบริหารพอร์ตกองทุนแพงๆ
ซึ่งค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ETF
จะเหมือนกับหุ้นเลย
เพราะเป็นการซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หรือที่เรามักเรียกกันสั้นๆ ว่า
โบรกเกอร์
นอกจากนี้ การลงทุนใน ETF มีอีกข้อดีที่น่าสนใจคือ
นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมในการจัดการ 2 ต่อ เหมือนกับกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่มักจะมีค่าธรรมเนียมการจัดการต่อแรกมาจากกองทุนหรือ
ETF ต้นทาง
และต่อที่สองมาจากกองทุน FIF
ในไทยเป็นผู้เรียกเก็บเอง
เรียกว่า ETF เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่ที่ต้องการลงทุนสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
แต่ไม่ได้มีเวลามาคอยเลือกหุ้นรายตัวด้วยตัวเอง รวมถึงนักลงทุนมือเก๋าที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตลงทุนกับสินทรัพย์สภาพคล่องสูง
และต้นทุนต่ำ
ปัจจุบันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
มีอีทีเอฟจำนวน 11
กอง อ้างอิงดัชนี 10
ประเภทดังนี้
- กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF (1DIV) ดัชนีอ้างอิง
SET High Dividend 30
- กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH) ดัชนีอ้างอิง
iBoxx ABFTH Index
- กองทุนเปิด BCAP MID SMALL CG ETF (BMSCG) ดัชนีอ้างอิง
BCAP Mid Small Cap CG
Index TR
- กองทุนเปิด BCAP MSCI THAILAND ETF (BMSCITH) ดัชนีอ้างอิง
MSCI Thailand ex Foreign
Board Index
- กองทุนเปิด BCAP SET 100 ETF ดัชนี
SET100 TRI (BSET100) ดัชนีอ้างอิง
ดัชนี SET100 TRI
- กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300
ไชน่า แทร็กเกอร์ (CHINA)
ดัชนีอ้างอิง CSI 300 Index
- กองทุนเปิด KTAM SET BANKING ETF TRACKER (EBANK) ดัชนีอ้างอิง
หมวดธุรกิจธนาคาร
- กองทุนเปิด MTRACK ENERGY ETF (ENGY) ดัชนีอ้างอิง
หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค
- กองทุนเปิด KTAM SET ENERGY ETF TRACKER (ENY) ดัชนีอ้างอิง
หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค
- กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ (GLD) ดัชนีอ้างอิง
The price of gold
bullion 99.5%
- กองทุนเปิด ไทยเด็กซ์ เซ็ท 50
อีทีเอฟ ดัชนี SET50
(TDEX) ดัชนีอ้างอิง SET50
ตัวอย่าง 6 ETF ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ธีมเฮลธ์แคร์
- กลุ่มยา กองทุน SPDR S&P Pharmaceuticals ETF (XPH.US) เป็น
ETF ที่ออกโดยบริษัท
SPDR หนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก
โดย XPH จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น
NYSE Arca
- กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) iShares Biotechnology
ETF (IBB) เป็น ETF ที่ออกโดย iShares แบรนด์ที่อยู่ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง
BlackRock โดย
IBB จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น
NASDAQ
- กลุ่มเครื่องมือแพทย์ iShares U.S. Medical Devices ETF
(IHI) ETF ที่ออกโดย iShares แบรนด์เดียวกันกับ IBB ETF โดย
IHI จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น
NYSE ARCA เป็น
ETF ที่ลงทุนอิงดัชนี
Dow Jones U.S. Select
Medical Equipment (DJSMDQT)
- กลุ่มบริการทางการแพทย์ SPDR S&P Health Care Services ETF
(XHS) ที่ออกโดยบริษัท SPDR โดย
XHS จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น
NYSE ARCA XHS ลงทุนอิงกับดัชนี
S&P Health Care
Services Select Industry ซึ่งเป็นดัชนี Health Care Services ของสหรัฐฯ
ที่อยู่ในดัชนี S&P
Total Market Index (S&P TMI) อีกที
- กลุ่มประกันสุขภาพกลุ่ม (Health Insurance) iShares U.S.
Healthcare Providers ETF (IHF) เป็น ETF ที่ลงทุนอิงดัชนี Dow Jones U.S. Select Healthcare
Providers เลือกลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Health Care Providers ด้านประกันสุขภาพสหรัฐฯ
- กลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์ ARK Genomic Revolution ETF (ARKG) ที่ออกโดยบริษัท ARK Invest โดย ARKG จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น BATS (BZX) ซึ่งเน้นลงทุนในกลุ่ม Health Technology สหรัฐฯ เช่น Teladoc (TDOC), Exact Sciences Corp. (EXAS) ฯลฯ